ขอแปะประเด็นห่วงใยไว้นิด เพราะคิดว่ามันสำคัญอยู่เหมือนกันนะ

หากไม่คิดสร้างสรรค์ก็อย่าทำลาย!


มึงไทยมาก วลีฮิตฟิลิปปินส์ด่าระบาดเน็ต
มึงไทยมาก..!! อัตลักษณ์แห่งความดักดาน
และประเด็นใหญ่ตอนนี้ก็ในกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพจเกี่ยวกับการทำความเข้าใจประเทศเพื่อนบ้านต่างๆเพื่อต้อนรับอาเซียน(หากันเอาเองในเฟสบุคนั่นแหละ) ก็มีคนไทยไปสร้างความเกรียนคีย์บอร์ดให้อับอายขายขี้หน้าดราม่างอกกันอีกแล้ว คนไทยด้วยกันเองเข้าไปอ่าน ยังได้แต่กุมขมับปวดตับกับพฤติกรรมมึงไทยมากจริงวุ้ย
คำโบราณที่สอนใจมีเป็นเข่งเป็นโหล ชอหยิบมา 2พฤติกรรมชวนโดนเกลียดขี้หน้าและโดนนินทาลับหลัง เพราะไม่มีใครชอบคนประเภทนี้หรอก
..อย่ายกตนข่มท่าน
..อย่ายกหางตัวเอง
ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์ บางคนก็ปลูกฝังค่านิยมผิดๆให้ลูกหลานตัวเองแท้ๆแถมบางคนก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นแต่เอามาอวดเพื่อจะกดให้คนอื่นดูต่ำลงแล้วตัวเองดูสูงขึ้น..แค่นั้น และพวกที่ชอบเล่าความดีตัวเองจนน่าเบื่อก็เหมือนกัน คนอื่นนอกจากจะเบื่อฟังแล้วก็ยังคิดว่าไอนี่มันท่าจะบ้าหลงตัวเองมาก.. คนเราทุกวันนี้หากไม่เจอเจอคนประเภทนี้ในสังคม คงแปลกเนอะ!
GT.
16.01.2013
ปล. ดราม่ามีอีกเยอะ อย่างเรื่องหนังโป๊ที่คนไทยทำปิดหูปิดตาตัวเองแต่เป็นตลาดซื้อขายเรื่องแบบนั้นตลาดใหญ่ของเอเชียเชียวนะ นางแบบแมคกาซีนก็แทบแก้ผ้ายกแผงหนังสือ ลองไปดูในคลิปสัมพาษณ์มิยาบิรายการวู้ดดี้ก็มีพูดประเด็นนี้ช่วงนึง ให้ชาวโลกได้ฮาสนั่นหวั่นไหว จะบอกว่าขี้อายหรือไม่ยอมรับความจริง? ..(ได้แต่ขำแห้งๆ เหอ เหอ เหอ)








ขอยกบทความดีๆจาก romyenchurch
ไม่รู้ไม่ชี้
ใครที่ไม่เคยได้ยินคำว่า "ไม่รู้ไม่ชี้" คงจะเชยมากๆ เพราะนอกจากจะได้ยินได้ฟังจาก คนอื่นพูดแล้ว ตัวเองก็คงได้พูดคำนี้ด้วย ความหมายของมันก็คือ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่เอาใจใส่ บุคคลที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่เอาใจใส่มี 2 ประเภท ประเภทหนึ่งเป็นกลุ่มคนที่ไม่รู้เรื่องจริงๆ ฉะนั้นเขาจึงไม่เอาใจใส่ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เขารู้เรื่องแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ ทำเป็นไม่เอาใจใส่ เพราะขืนทำตัวเป็นผู้รู้และสนใจกับสิ่งที่ไม่เป็นคุณต่อตนเอง เปลืองตัวเปล่าๆ ฉะนั้นทำเป็น ไม่รู้ไม่ชี้จะดีที่สุด ในสังคมเรามีคนหลากหลาย แต่ผมขอแบ่งออกเป็นสามกลุ่มดังนี้

2. พวกรู้แต่ไม่ชี้ บางทีเราเรียกสังคมกลุ่มนี้ว่า พวกอมภูมิ พวกที่รู้แต่ไม่ยอมชี้แนะ อาจเป็นเพราะหาคนอยากรู้อยากรับการชี้แนะไม่ได้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เรามีความหยิ่ง ไม่อยากเสียหน้า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองไม่รู้ ฉะนั้นเขาจึงทำตัวไม่รู้ไม่ชี้เสีย บางพวกไม่ยอมชี้แนะ ใครเพราะหวง กลัว และระแวง เกรงไปว่าคนอื่นจะรู้เท่ากับตนหรือเหนือตน แต่ก็มีบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีใจกว้าง มีจิตสาธารณะ ปรารถนาจะเห็นเพื่อนมนุษย์มีความสุขและก้าวหน้าทั่วหน้ากัน เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า “รู้และพร้อมชี้แนะ”
3. พวกรู้และพร้อมชี้แนะ ผมมีเพื่อนเชื้อสายจีน เขาเล่าให้ผมฟังว่า ชาวจีนสมัย โบราณมีจอมยุทธหลายสำนัก แต่ละสำนักจะมีปรมาจารย์ มีเคล็ดลับในการต่อสู้ มีไม้ตายจัดการ กับฝ่ายตรงข้าม แต่ปรมาจารย์เหล่านี้กลัวลูกศิษย์ทรยศหักหลังคิดล้างครู ท่านเหล่านี้จะเก็บความ สุดยอด บางกระบวนท่าไว้เพื่อปราบคนทรยศ เมื่อกาลเวลาผ่านไปหลายชั่วอายุคน ความสุดยอด ไม้ตายต่างๆ ก็หดหายไปเหลือไว้แต่ลีลา แต่ไม้ตายนั้นได้ตายไปกับปรมาจารย์ นี่คือตัวอย่าง รู้แต่ ไม่ชี้
ผมหวังว่าผู้อ่านจะมีใจกว้างไม่อมภูมิ พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ แก่ส่วนรวม ให้สิ่งดีๆ ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิทยาการ ศิลปวัฒนธรรม หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ได้ถ่ายทอดกันมา ผมรู้สึกประทับใจที่มีคนมากมายในสังคมขณะนี้กำลังแบ่งปันองค์ความรู้และ ประสบการณ์แก่สาธารณชนโดยไม่คิดมูลค่า เขาทำเป็นวิทยาทาน
ผมอยากจะเห็นสังคมเราเป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน เฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับองค์ความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ พวกเราจะเจริญเติบโตไปด้วยกัน ฉะนั้นขอให้ ผู้รู้มีน้ำใจที่จะชี้แนะด้วย
ขอผู้อ่านพิจารณาดูกันเองว่า เป็นบุคคลประเภทไหน
1. ชอบชี้แนะทั้งๆ ที่ไม่รู้
2. รู้แต่ไม่อยากชี้แนะใคร
3. ยินดีเสมอที่จะชี้แนะในสิ่งที่ตนรู้






