---------------------------
อจ.ดิ่งตึก
อจ.ดิ่งตึก - น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อจ.พิเศษเอแบคสาวสวย อดีตดาวคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ขับรถเบนซ์สปอร์ตเข้ามาที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ย่านสาทร ก่อนขึ้นไปโดดจากชั้น 10 ลงมาเสียชีวิต สาเหตุจากผิดหวังในความรัก
อาจารย์สาวเอแบค อดีตดาวเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ก่อเหตุสะเทือนใจดิ่งชั้น 10 ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ลงมากระแทกพื้นเบื้องล่างตายอนาถ เผยขับเบนซ์สปอร์ตเข้ามา แล้วไปซื้อบุหรี่มาสูบ ก่อนไปนั่งห้อยขาอยู่ระเบียงชั้น 10 จากนั้นร่างก็ร่วงลงมา ในตัวมีทั้งกระเป๋าพราด้า หลุยส์วิตตอง แว่นตากุชชี่ ยาระงับประสาท ไดอารี่บรรยายถึงชายคนรักและตัดพ้อต่างๆนานา พ่อมาดูศพลูกสาวถึงสลด ระบุเป็นลูกคนเดียว เพิ่งจบปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ติดใจเพราะเชื่อว่าลูกคิดสั้นเอง คนใกล้ชิดเผยผู้ตายมีแฟนเป็นหนุ่มหล่อไฮโซ ระยะหลังมีปัญหากัน เชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุให้ฆ่าตัวตาย
เหตุอาจารย์สาวเอแบคอดีตดาวเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กระโดดตึกใหญ่กลางกรุงฆ่าตัวตายครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 มี.ค.พ.ต.ต.อดิเรก พันธ์ใย พงส.(สบ. 2)สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุมีผู้กระโดดจากอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรตัดนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ลงมากระแทกพื้นเบื้องล่างได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.ต.วัชรพันธ์ ศิริพากษ์ สว.สส. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพร.พ.เลิดสิน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบร่างหญิงสาวสภาพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ใกล้ๆศีรษะพบกระเป๋าถือสีดำยี่ห้อพราด้า และเศษใบไม้ที่ร่างเกาะเกี่ยวมาด้วยระหว่างตกลงมา เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งร.พ.เลิดสิน แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าถือ พบกระเป๋าสตางค์หลุยส์วิตตอง มีเงินอยู่ 200 บาท บัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ซอยพัฒนาการ 61 แขวงและเขตประเวศ กทม. บัตรประจำตัวอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) บัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บุหรี่มาร์ลโบโร 1 ซอง
ไดอารี่แดง - ตัวอย่างข้อความในไดอารี่ที่ค้นพบในศพน.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง หลังโดดตึกฆ่าตัวตายกลางกรุง ระบายความรู้สึกเศร้าหมอง เนื่องจากมีปัญหาร้าวฉานกับแฟนหนุ่มหล่อรวยชื่อ "ปอม" จนไม่สามารถคืนดีกันได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ยังพบแว่นตากุชชี่ ยาระงับประสาทของร.พ.สมิติเวช 1 แผง 30 เม็ด กินไปแล้ว 11 เม็ด และไดอารี่ลายสีฟ้าคาดเขียว ภายในเขียนข้อความด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและสีแดง บรรยายถึงความรักระหว่างผู้ตายกับผู้ชายชื่อปอม ข้อความตัดพ้อผู้ชายคนดังกล่าว และยังเขียนลักษณะสั่งเสียลาจากกันชั่วชีวิตไว้ด้วย
จากการสอบสวนรปภ.ของอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุน.ส.มุทิตาขับรถเบนซ์สปอร์ต 2 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน วต- 2527 กทม. เข้ามาจอดที่ชั้นบี 3 ก่อนเดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นรปภ.ประจำลานจอดรถชั้น 10 เห็นผู้ตายเดินสูบบุหรี่ ก่อนจะเห็นอีกทีตอนผู้ตายนั่งห้อยขาอยู่บนขอบระเบียงจากนั้นร่างก็ร่วงตกลงไปข้างล่าง
ขณะที่พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ ให้การว่า ก่อนผู้ตายจะกระโดดอาคาร ได้เข้ามาซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ สาเหตุที่จำได้เนื่องจากผู้ตายเป็นหญิงสาวหน้าตาดี และเข้ามาซื้อของที่ร้านหลายครั้งแล้ว
ต่อมานายพีระยุทธ ไทยลิ่มทอง อายุ 59 ปี บิดาของผู้ตายเดินทางมาดูศพบุตรสาว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองน้ำเสียงสลดว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียวของตน เป็นอาจารย์อยู่ที่เอแบค เป็นคนเรียนเก่ง ตอนเรียนได้เกียรตินิยมคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นดาวคณะด้วย เพิ่งจบปริญญาโท จากคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตนขอร้องลูกสาวให้ลาออกจากงานมาช่วยดูแลธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนมของครอบครัว ซึ่งลูกสาวก็รับปาก แต่ขอเวลาระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องความรักทราบว่าคบหากับแฟนหนุ่มหน้าตาดี ฐานะดี แต่ไม่เคยเล่าถึงปัญหาให้ฟัง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว เชื่อว่าลูกสาวน่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเอง
ไดอารี่ลา - ข้อความในไดอารี่ระบายความรู้สึกเศร้าหมองอกหักจากแฟนหนุ่มไฮโซ ที่ค้นพบหลังน.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อาจารย์พิเศษเอแบค อดีตดาวคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โดดตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ฆ่าตัวตายกลางกรุง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.
จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิดน.ส.มุทิตา ทราบว่า ผู้ตายมีชื่อเล่นว่าพลอย เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และเพิ่งสำเร็จปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เช่นกัน โดยเรียนได้เกียรตินิยมทั้ง 2 ระดับปริญญา สมัยเป็นนิสิตเป็นระดับดาวของคณะเศรษฐศาสตร์อีกด้วย ก่อนเสียชีวิตเพิ่งทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบคได้ไม่นาน
บุคคลใกล้ชิดของผู้ตายยังให้ข้อมูลอีกว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าหรูอยู่ย่านศรีนครินทร์ สาเหตุที่ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากเรื่องความรัก เนื่องจากเป็นคนจริงจังกับความรักมาก โดยผู้ตายมีแฟนหนุ่มตาดี เป็นเศรษฐีไฮโซ ชื่อปอม ซึ่งเคยเป็นแฟนกับดาราสาวคนหนึ่ง ระยะหลังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกันหลายครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่มีน้ำหนักมากที่สุด ส่วนสาเหตุที่มาอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เพราะว่ามีเพื่อนสนิททำงานอยู่ที่นี่
สำหรับเนื้อหาในไดอารี่ที่ผู้ตายเขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงมีข้อความว่า
- ตัวเองบอกว่าตัวเองจับได้ว่า เค้าโกหกเรื่องนึง ตัวเองก็ไม่รู้จะเชื่อเรื่องไหนได้อีกแล้ว
- นี่ไง ตัวเองควรจะเชื่อเรื่องในสมุดเล่มนี้นะ ชีวิต นี้แล้วเค้าคงไม่โกหกแล้วใช่ไหม!
- คงไม่มีใครลงทุนสร้างภาพขนาดนี้หรอกเนอะ
- ตัวเองบอกว่าชีวิตนี้เราจะไม่เจอกันอีกแล้ว ขอให้จริงของตัวเองนะ
- เค้าไม่อยากอยู่ในสถานการณ์นั้นเลย ไม่อยากตื่นมาคิดว่าไม่มีตัวเองแล้ว ไม่อยากเจอแบบนี้ทุกวัน
- เค้ารักตัวเองมากนะ มากที่สุดในโลกเลย ขอโทษจริงๆ ที่โทรไปปรึกษาแฟนเก่า แต่มันไม่มีอะไรถ้าสนใจลองไปตามดูก็ได้
- ตอนนี้คงไม่มีใครโกหกกันแล้วหละ เค้าไม่เคยนอกใจตัวเอง ถามเพื่อนเค้าทุกคนได้ ไปเช็กดูยังไงก็ได้
- เค้ามั่นใจว่ามันไม่มี เพราะเค้าไม่เคยทำ เค้าเคยบอกตัวเองว่า ชาตินี้เค้าไม่มีวันทำ 2 อย่าง
1. นอกใจตัวเอง 2. ทิ้งตัวเอง
- วันๆ เค้าไม่ทำอะไรนอกจากหาทางอยู่กับตัวเองให้ได้มากที่สุด เค้าชอบดูแลตัวเอง อยู่บ้านทำนู่นทำนี่ให้ตัวเอง เค้ามีความสุข เค้าหวังดีอยากให้ตัวเองมีความสุขทุกอย่าง
- เรื่องงาน ครอบครัว เพื่อน เค้าสนับสนุนตัวเองทุกเรื่อง เค้ารักและหวังดีกับตัวเองจริงๆ ไม่เคยเลยซักครั้งที่เค้ามองตัวเองไม่ดี หรืออยากทำให้ตัวเองเสียใจ
- เค้าไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เค้าไม่รู้เลยว่ามันจะจบง่ายๆ แบบนี้ไม่มีตัวเองแล้ว ไม่มีบ้านหลังแรก รถคันแรกกับตัวเองแล้ว ไม่มีเรา 2 คนแล้ว ทั้งที่เค้ารักตัวเองที่สุด
- รักตัวเองคนเดียว พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หมา เค้าแทบไม่ได้สนใจเลย เค้าทุ่มให้ตัวเองคนเดียวด้วยความเต็มใจ และมีความสุขมากๆ
- เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าคิดว่า เค้าเหี้ยกับตัวเอง เค้าไม่ได้เฟค ไม่ได้หลอก ทุกอย่างที่ทำเค้ารักตัวเองจริงๆ เค้าจะมาสร้างภาพทำไม ไร้สาระมากๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำจริงๆ
อืม ตัวเองโทรมาล่ะ ( 8.20 น.)
- แปลกดีเนอะ ที่คนเราหมดเยื่อใยกันง่ายขนาดนี้ เมื่อวานยังได้จับมือกัน วันนี้เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ไปแล้ว ตัวเองบอกว่าเกลียดเค้ามาก ตอนแรกเค้านึกว่าตัวเองโมโห แต่ตอนนี้เค้าเริ่มเชื่อแล้วหละ
ขอโทษนะพลอยรักปอมจริงๆ แต่พลอยทำให้ปอมเชื่อไม่ได้เลย พลอยเสียใจจริงๆ ขอโทษนะ
อาจารย์สาวเอแบค อดีตดาวเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ก่อเหตุสะเทือนใจดิ่งชั้น 10 ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ลงมากระแทกพื้นเบื้องล่างตายอนาถ เผยขับเบนซ์สปอร์ตเข้ามา แล้วไปซื้อบุหรี่มาสูบ ก่อนไปนั่งห้อยขาอยู่ระเบียงชั้น 10 จากนั้นร่างก็ร่วงลงมา ในตัวมีทั้งกระเป๋าพราด้า หลุยส์วิตตอง แว่นตากุชชี่ ยาระงับประสาท ไดอารี่บรรยายถึงชายคนรักและตัดพ้อต่างๆนานา พ่อมาดูศพลูกสาวถึงสลด ระบุเป็นลูกคนเดียว เพิ่งจบปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ติดใจเพราะเชื่อว่าลูกคิดสั้นเอง คนใกล้ชิดเผยผู้ตายมีแฟนเป็นหนุ่มหล่อไฮโซ ระยะหลังมีปัญหากัน เชื่อว่าน่าจะเป็นสาเหตุให้ฆ่าตัวตาย
เหตุอาจารย์สาวเอแบคอดีตดาวเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กระโดดตึกใหญ่กลางกรุงฆ่าตัวตายครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 21 มี.ค.พ.ต.ต.อดิเรก พันธ์ใย พงส.(สบ. 2)สน.ยานนาวา รับแจ้งเหตุมีผู้กระโดดจากอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรตัดนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ลงมากระแทกพื้นเบื้องล่างได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยพ.ต.ต.วัชรพันธ์ ศิริพากษ์ สว.สส. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพร.พ.เลิดสิน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบร่างหญิงสาวสภาพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ใกล้ๆศีรษะพบกระเป๋าถือสีดำยี่ห้อพราด้า และเศษใบไม้ที่ร่างเกาะเกี่ยวมาด้วยระหว่างตกลงมา เจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งร.พ.เลิดสิน แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าถือ พบกระเป๋าสตางค์หลุยส์วิตตอง มีเงินอยู่ 200 บาท บัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ น.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160 ซอยพัฒนาการ 61 แขวงและเขตประเวศ กทม. บัตรประจำตัวอาจารย์พิเศษของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบค) บัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บุหรี่มาร์ลโบโร 1 ซอง ไดอารี่แดง - ตัวอย่างข้อความในไดอารี่ที่ค้นพบในศพน.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง หลังโดดตึกฆ่าตัวตายกลางกรุง ระบายความรู้สึกเศร้าหมอง เนื่องจากมีปัญหาร้าวฉานกับแฟนหนุ่มหล่อรวยชื่อ "ปอม" จนไม่สามารถคืนดีกันได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ยังพบแว่นตากุชชี่ ยาระงับประสาทของร.พ.สมิติเวช 1 แผง 30 เม็ด กินไปแล้ว 11 เม็ด และไดอารี่ลายสีฟ้าคาดเขียว ภายในเขียนข้อความด้วยปากกาเมจิกสีน้ำเงินและสีแดง บรรยายถึงความรักระหว่างผู้ตายกับผู้ชายชื่อปอม ข้อความตัดพ้อผู้ชายคนดังกล่าว และยังเขียนลักษณะสั่งเสียลาจากกันชั่วชีวิตไว้ด้วย
จากการสอบสวนรปภ.ของอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุน.ส.มุทิตาขับรถเบนซ์สปอร์ต 2 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน วต- 2527 กทม. เข้ามาจอดที่ชั้นบี 3 ก่อนเดินไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ จากนั้นรปภ.ประจำลานจอดรถชั้น 10 เห็นผู้ตายเดินสูบบุหรี่ ก่อนจะเห็นอีกทีตอนผู้ตายนั่งห้อยขาอยู่บนขอบระเบียงจากนั้นร่างก็ร่วงตกลงไปข้างล่าง
ขณะที่พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ ให้การว่า ก่อนผู้ตายจะกระโดดอาคาร ได้เข้ามาซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ สาเหตุที่จำได้เนื่องจากผู้ตายเป็นหญิงสาวหน้าตาดี และเข้ามาซื้อของที่ร้านหลายครั้งแล้ว
ต่อมานายพีระยุทธ ไทยลิ่มทอง อายุ 59 ปี บิดาของผู้ตายเดินทางมาดูศพบุตรสาว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองน้ำเสียงสลดว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียวของตน เป็นอาจารย์อยู่ที่เอแบค เป็นคนเรียนเก่ง ตอนเรียนได้เกียรตินิยมคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นดาวคณะด้วย เพิ่งจบปริญญาโท จากคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกัน ตนขอร้องลูกสาวให้ลาออกจากงานมาช่วยดูแลธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าแบรนด์เนมของครอบครัว ซึ่งลูกสาวก็รับปาก แต่ขอเวลาระยะหนึ่ง ส่วนเรื่องความรักทราบว่าคบหากับแฟนหนุ่มหน้าตาดี ฐานะดี แต่ไม่เคยเล่าถึงปัญหาให้ฟัง อย่างไรก็ตามตนไม่ได้ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาว เชื่อว่าลูกสาวน่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเอง
ไดอารี่ลา - ข้อความในไดอารี่ระบายความรู้สึกเศร้าหมองอกหักจากแฟนหนุ่มไฮโซ ที่ค้นพบหลังน.ส.มุทิตา ไทยลิ่มทอง อาจารย์พิเศษเอแบค อดีตดาวคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ โดดตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ฆ่าตัวตายกลางกรุง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.
จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิดน.ส.มุทิตา ทราบว่า ผู้ตายมีชื่อเล่นว่าพลอย เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และเพิ่งสำเร็จปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เช่นกัน โดยเรียนได้เกียรตินิยมทั้ง 2 ระดับปริญญา สมัยเป็นนิสิตเป็นระดับดาวของคณะเศรษฐศาสตร์อีกด้วย ก่อนเสียชีวิตเพิ่งทำงานเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่เอแบคได้ไม่นาน
บุคคลใกล้ชิดของผู้ตายยังให้ข้อมูลอีกว่า ผู้ตายเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐี ทำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายกระเป๋าหรูอยู่ย่านศรีนครินทร์ สาเหตุที่ตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะมาจากเรื่องความรัก เนื่องจากเป็นคนจริงจังกับความรักมาก โดยผู้ตายมีแฟนหนุ่มตาดี เป็นเศรษฐีไฮโซ ชื่อปอม ซึ่งเคยเป็นแฟนกับดาราสาวคนหนึ่ง ระยะหลังมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกันหลายครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่มีน้ำหนักมากที่สุด ส่วนสาเหตุที่มาอาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ เพราะว่ามีเพื่อนสนิททำงานอยู่ที่นี่
สำหรับเนื้อหาในไดอารี่ที่ผู้ตายเขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงมีข้อความว่า - ตัวเองบอกว่าตัวเองจับได้ว่า เค้าโกหกเรื่องนึง ตัวเองก็ไม่รู้จะเชื่อเรื่องไหนได้อีกแล้ว
- นี่ไง ตัวเองควรจะเชื่อเรื่องในสมุดเล่มนี้นะ ชีวิต นี้แล้วเค้าคงไม่โกหกแล้วใช่ไหม!
- คงไม่มีใครลงทุนสร้างภาพขนาดนี้หรอกเนอะ
- ตัวเองบอกว่าชีวิตนี้เราจะไม่เจอกันอีกแล้ว ขอให้จริงของตัวเองนะ
- เค้าไม่อยากอยู่ในสถานการณ์นั้นเลย ไม่อยากตื่นมาคิดว่าไม่มีตัวเองแล้ว ไม่อยากเจอแบบนี้ทุกวัน
- เค้ารักตัวเองมากนะ มากที่สุดในโลกเลย ขอโทษจริงๆ ที่โทรไปปรึกษาแฟนเก่า แต่มันไม่มีอะไรถ้าสนใจลองไปตามดูก็ได้
- ตอนนี้คงไม่มีใครโกหกกันแล้วหละ เค้าไม่เคยนอกใจตัวเอง ถามเพื่อนเค้าทุกคนได้ ไปเช็กดูยังไงก็ได้
- เค้ามั่นใจว่ามันไม่มี เพราะเค้าไม่เคยทำ เค้าเคยบอกตัวเองว่า ชาตินี้เค้าไม่มีวันทำ 2 อย่าง
1. นอกใจตัวเอง 2. ทิ้งตัวเอง
- วันๆ เค้าไม่ทำอะไรนอกจากหาทางอยู่กับตัวเองให้ได้มากที่สุด เค้าชอบดูแลตัวเอง อยู่บ้านทำนู่นทำนี่ให้ตัวเอง เค้ามีความสุข เค้าหวังดีอยากให้ตัวเองมีความสุขทุกอย่าง
- เรื่องงาน ครอบครัว เพื่อน เค้าสนับสนุนตัวเองทุกเรื่อง เค้ารักและหวังดีกับตัวเองจริงๆ ไม่เคยเลยซักครั้งที่เค้ามองตัวเองไม่ดี หรืออยากทำให้ตัวเองเสียใจ
- เค้าไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย เค้าไม่รู้เลยว่ามันจะจบง่ายๆ แบบนี้ไม่มีตัวเองแล้ว ไม่มีบ้านหลังแรก รถคันแรกกับตัวเองแล้ว ไม่มีเรา 2 คนแล้ว ทั้งที่เค้ารักตัวเองที่สุด
- รักตัวเองคนเดียว พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หมา เค้าแทบไม่ได้สนใจเลย เค้าทุ่มให้ตัวเองคนเดียวด้วยความเต็มใจ และมีความสุขมากๆ
- เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าคิดว่า เค้าเหี้ยกับตัวเอง เค้าไม่ได้เฟค ไม่ได้หลอก ทุกอย่างที่ทำเค้ารักตัวเองจริงๆ เค้าจะมาสร้างภาพทำไม ไร้สาระมากๆ แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำจริงๆ
อืม ตัวเองโทรมาล่ะ ( 8.20 น.)
- แปลกดีเนอะ ที่คนเราหมดเยื่อใยกันง่ายขนาดนี้ เมื่อวานยังได้จับมือกัน วันนี้เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ไปแล้ว ตัวเองบอกว่าเกลียดเค้ามาก ตอนแรกเค้านึกว่าตัวเองโมโห แต่ตอนนี้เค้าเริ่มเชื่อแล้วหละ
ขอโทษนะพลอยรักปอมจริงๆ แต่พลอยทำให้ปอมเชื่อไม่ได้เลย พลอยเสียใจจริงๆ ขอโทษนะ
