ทุกสิ้นปี ข้าน้อยมักจะป่วยด้วยโรคแปลกๆตลอด
ปีนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน
(ไม่นับรวมตลอดปีนะ ถึงแม้จะป่วยทุกวันแต่นั่นมันก็โรคทั่วไปเลยเรียกว่าป่วยเป็นปกติ หุหุหุ)
ปีนี้ก็ไม่พลาดเช่นกัน
(ไม่นับรวมตลอดปีนะ ถึงแม้จะป่วยทุกวันแต่นั่นมันก็โรคทั่วไปเลยเรียกว่าป่วยเป็นปกติ หุหุหุ)
แต่..............
ปีนี้..
กรูเพิ่งรู้ว่า..
...ผู้หญิง.....
แม่งก็เป็น"ไข่ดัน"ได้ด้วยเว้ยเฮ้ย (Onolll) เช็ดดดดดดดด เขร้!!!
ข้าน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะมีช้างน้อยงอกขึ้นมา ..ไม่ใช่ละ..ล้อเล่น
(มุขนี้เจอเพื่อนเตะเสยคางปลิวไปหลายรอบ ไรว้าาา ไม่มีรมณ์ขันกันซะบ้างเลยเนอะ) จริงๆแล้วมันก็แค่ผลที่เกิดจาก"น้ำเหลือง/น้ำหนอง/เชื้อโรค"จากแผลสักที่ในตัวคน ให้สำรวจให้ดีว่าเป็นแผลอะไรตรงไหนรีบรักษาแต่เนิ่นๆได้ก็จะไม่เป็นโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
(มุขนี้เจอเพื่อนเตะเสยคางปลิวไปหลายรอบ ไรว้าาา ไม่มีรมณ์ขันกันซะบ้างเลยเนอะ) จริงๆแล้วมันก็แค่ผลที่เกิดจาก"น้ำเหลือง/น้ำหนอง/เชื้อโรค"จากแผลสักที่ในตัวคน ให้สำรวจให้ดีว่าเป็นแผลอะไรตรงไหนรีบรักษาแต่เนิ่นๆได้ก็จะไม่เป็นโรคแทรกซ้อนอื่นๆตามมา
ข้าน้อยตรวจตราร่างกายดูแล้วก็คาดว่าน่าจะเกิดจากแผลที่หัวเข่า
ช่วงแรกๆที่เป็นก็แค่คุกเข่าไม่ได้เฉยๆ เจ็บๆ ที่ข้าน้อยปล่อยทิ้งไว้เพราะคิดว่ามันคือ"สิว"ธรรมด๊าธรรมดาเดี๋ยวก็คงจะหายไปเอง
(ชีวิตนี้ไม่เคยบีบสิวไม่ค่อยสันทัดเรื่องสิวๆเท่าคุณเพื่อนอ่ะฮ่ะ อย่ามาค่อนแคะอิชั้นเพราะเรื่องแค่นี้น่า เขาไม่เรียกโง่ว้อย เขาเรียกไม่เชี่ยวชาญ ก็คนมันไม่มีอะ ให้ทำไงแว้ แสรด)
แต่ผ่านไปเป็นเดือน (จนลืมไปละ)แต่สังเกตุตอนคลานไปเล่นกับเจ้าแมวแล้วเจ็บอยู่ ก็เลยชักแปลกๆใจอยู่เหมือนกัน แล้วช่วงนั้นก็เริ่มๆมีไข้สูงทุกวัน คิดว่าติดไข้มาจากมะม๊าหรือเปล่าเพราะช่วงก่อนจะมีฝนบ้างอากาศเปลี่ยนบ่อย เลยโทษคนรอบข้างไว้ก่อน
....สุดท้ายแล้วเมื่อนอนคนเดียวก็ยังไม่หาย และมีไข้สูงทุกวัน ปะป๊าเลยไปหาซื้อยามาให้ กินยาก็ไม่หายสักที...
ตื่นขึ้นมา..
คลำไป...
แล้วเจอ.. "ไข่"
แย๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
แย๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
คือมันเริ่ม"เจ็บ"และมีก้อนตุ่ยๆปูดขึ้นมา
ตำแหน่งของแผลขึ้นไม่เหมือนกันนะ ถ้าเรามีแผลทางซ้ายของร่างกายเจ้าก้อนนี่ก็จะอยู่ขวาสลับด้านเสมอตามเส้นเลือด ก้อนพวกนี้เขาเรียกไข่ดัน จริงๆก็แค่ไอ้ก้อนเชื้อโรคที่มันเกิดมาจากน้ำหนอง น้ำเหลืองนั่นแหละ
และไอ้สิวปักเข่าที่ชั้นทนเจ็บมาแรมเดือนจริงๆมันคือ"ฝี"คะคุณค๊าาาา
แต่มันไม่ออกหัวหนองหรืออะไรให้อิชั้นรู้เลยว่ามันคือ"ฝี"โรโมน~~~
เออนั่นแหละ เขียนมาบ่นแค่นั้นปีนี้ก็ได้โรคเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกโรค แค่นั้นแหละ ที่อยากจะระบาย
ถ้าพวกแกคนใดเป็นไม่ต้องนั่งกลัวอะ
มันไม่ได้เกิดแต่เฉพาะเจาะจง ว่าจะงอกแค่ขาหนีบเท่านั้น
ไม่ต้องกลัวคนจะมองว่าโรคแบบนี้เกิดจากความสกปรกโสโครก จริงๆแล้วก็แค่ตัวเราเป็นแผล ทุกคนมีสิทธิ์เป็น ช่วยกันแบ่งปันความรู้ที่ถูกต้องให้แก่กันไป ให้เขาระวังป้องกันเวลาเป็นแผลแบบนี้นะอย่าปล่อยไว้ ให้รีบรักษา ไม่งั้นแล้วเชื้อโรค น้ำเหลือง น้ำหนองมันไม่ดีกับเลือดในร่างกายของเรา เราจะเป็นโรคอื่นๆตามมา เวลาเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายของเรา เม็ดเลือดของเราก็จะออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค เป็นสาเหตุให้ตัวเราเป็นไข้นั่นเอง หากเป็นไข้แล้วต้องรีบไปหาหมอแล้วนะเธออออออ
ถ้าพวกแกคนใดเป็นไม่ต้องนั่งกลัวอะ
มันไม่ได้เกิดแต่เฉพาะเจาะจง ว่าจะงอกแค่ขาหนีบเท่านั้น
ไม่ต้องกลัวคนจะมองว่าโรคแบบนี้เกิดจากความสกปรกโสโครก จริงๆแล้วก็แค่ตัวเราเป็นแผล ทุกคนมีสิทธิ์เป็น ช่วยกันแบ่งปันความรู้ที่ถูกต้องให้แก่กันไป ให้เขาระวังป้องกันเวลาเป็นแผลแบบนี้นะอย่าปล่อยไว้ ให้รีบรักษา ไม่งั้นแล้วเชื้อโรค น้ำเหลือง น้ำหนองมันไม่ดีกับเลือดในร่างกายของเรา เราจะเป็นโรคอื่นๆตามมา เวลาเชื้อโรคเข้าไปในร่างกายของเรา เม็ดเลือดของเราก็จะออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค เป็นสาเหตุให้ตัวเราเป็นไข้นั่นเอง หากเป็นไข้แล้วต้องรีบไปหาหมอแล้วนะเธออออออ
*ดังนั้นเมื่อเป็น ก็แค่ >> หาหมอ >> กินยา >> จบ
*อย่าทนอย่าฝืนน่อ เดี๋ยวจะมีแทรกซ้อนอีกมากมายตามมาจะยุ่งอิรุงตุงนัง ไม่เชื่อก็เสริชลุงกู๋เกิ้ลดูเลย
พอกินยาไป3วัน ไอ้สิวที่เข่าของอิชั้นก็โผล่หัวฝีมีหนองออกมาให้ได้เห็น เวรแท้ๆ ..
แต่ก็เอาเหอะ ขำขำ ส่งท้ายปี
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะทิ้งไว้นาน เล่นเอาเดินไม่ได้ไปช่วงนึงเลย อย่าคิดว่ามันจะหายเองแบบข้าน้อยก็แล้วกัน มันประมาทเกินไป.. มาดูข้อมูลคร่าวๆ ของไขดันกันนะคะ.. เป็นหญิงก็อย่าคิดว่าจะเป็นโรคนี้ไม่ไ้ด้นะเออ!
ชื่อ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ
ที่มา nu.ac.th
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ( ไข่ดันอักเสบหรือไข่ดันบวม )
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบอักเสบ (Groin infection)
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่ขาหนีบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตรปโตค็อกคัส และสแตฟฟีโลค็อกคัส ซึ่งลุกลามมาจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง เช่น บาดแผลอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น ในรายที่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต และเจ็บ และมักพบอาการอักเสบของผิวหนัง หรืออวัยวะในบริเวณใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) อักเสบ หรือไข่ดันบวมโต มักจะเป็นผลมาจากการอักเสบในบริเวณเท้า หรือต่อมน้ำเหลืองที่ใต้คางอักเสบ มักเป็นผลมาจากต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นต้น ถ้ามีการอักเสบของท่อน้ำเหลืองร่วมด้วย ก็จะพบเป็นรอยแดง เป็นแนวยาววิ่งจากบริเวณผิวหนังที่อักเสบไปจนถึงต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ ผู้ป่วยมักมีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ร่วมด้วย ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองจะมีอาการบวมโตเล็กน้อย (ขนาดไม่เกิน 1 ซม.) ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ และจับโยกไปมาได้ ไม่ยืดติดกับผิวหนังหรือเนื้อเยื่อข้างใต้ มักพบที่บริเวณใต้คาง (ซึ่งเป็นผลมาจากฟันผุหรือเจ็บคอบ่อย) และขาหนีบ (เป็นผลจากการอักเสบที่เท้าบ่อย ๆ) ต่อมน้ำเหลืองจะบวมโตคลำได้เป็นก้อนเล็ก ๆ นานเป็นแรมเดือนแรมปี หรือตลอดไป โดยไม่มีอาการเจ็บปวด และไม่เกิดอันตรายแต่อย่างไร ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเฉียบพลัน ให้ยาแก้ปวดลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น เพนวี , คล็อกซาซิลลิน หรือ อีริโทรไมซิน ควรใช้น้ำอุ่นจัดๆ ประคบ และยกแขนขาส่วนที่อักเสบให้สูง ถ้าดีขึ้นควรให้ยาปฏิชีวนะจนครบ 10 วัน แต่ถ้าไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ควรส่งโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะยาไม่ได้ผลหรือเกิดจากสาเหตุอื่น ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างไร ยกเว้นให้การรักษาโรคติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียงที่เป็นต้นเหตุ เช่น แก้ไขปัญหาฟันผุ หรือคออักเสบ เป็นต้น ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตขนาดเกิน 1 เซนติเมตร ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ควรตรวจดูต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นๆ (เช่น คอ ไหปลาร้า รักแร้) ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตในลักษณะเดียวกันที่บริเวณอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ข้อแนะนำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลในเรื่องของความสะอาด เพราะการอักเสบของผิวหนังจุดใดจุดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ หลายๆคนที่พบกับปัญหาไข่ดันบวมหรือไข่ดันอักเสบ ซึ่งไข่ดันจะอยู่บริเวณขาหนีบ อาจจะด้านซ้ายหรือด้านขวา ในบางรายโชคร้ายเป็นทั้งสองข้างก็มี เวลาเกิดการอักเสบจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆนูนขึ้นมา ในบางรายอาจปวดทรมานรุนแรง แต่ในบางรายอาจไม่ปวด สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหญิงและชาย ในเพศชายจะมีโอกาสเกิดมากกว่าในเพศหญิง บางคนเรียกลูกหนูอักเสบ ถ้าวิกฤตมากๆถึงขนาดเดินไม่ได้ เพราะจะปวดทรมานมาก ในบางรายที่เป็นหนักอาจต้องผ่าตัดและรักษาโดยแพทย์
ลักษณะทั่วไป ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตรปโตค็อกคัส และสแตฟฟีโลค็อกคัส ซึ่งลุกลามมาจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง เช่น บาดแผลอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น
อาการ
ในรายที่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต และเจ็บ และมักพบอาการอักเสบของผิวหนัง หรืออวัยวะในบริเวณใก้ลเคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) อักเสบ มักจะเป็นผลมาจากการอักเสบในบริเวณเท้า หรือต่อมน้ำเหลืองที่ใต้คางอักเสบ มักเป็นผลมาจากต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นต้น ถ้ามีการอักเสบของท่อน้ำเหลืองร่วมด้วย ก็จะพบเป็นรอยแดง เป็นแนวยาววิ่งจากบริเวณผิวหนังที่อักเสบไปจนถึงต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ ผู้ป่วยมักมีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ร่วมด้วย ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองจะมีอาการบวมโตเล็กน้อย (ขนาดไม่เกิน 1 ซม.) ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ และจับโยกไปมาได้ ไม่ยืดติดกับผิวหนังหรือเนื้อเยื่อข้างใต้ มักพบที่บริเวณใต้คาง (ซึ่งเป็นผลมาจากฟันผุหรือเจ็บคอบ่อย) และขาหนีบ (เป็นผลจากการอักเสบที่เท้าบ่อย ๆ) ต่อมน้ำเหลืองจะบวมโตคลำได้เป็นก้อนเล็ก ๆ นานเป็นแรมเดือนแรมปี หรือตลอดไป โดยไม่มีอาการเจ็บปวด และไม่เกิดอันตรายแต่อย่างไร
อาการแทรกซ้อน ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การรักษา ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเฉียบพลัน ให้ยาแก้ปวดลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น เพนวี , คล็อกซาซิลลิน หรือ อีริโทรไมซิน ควรใช้น้ำอุ่นจัดๆ ประคบ และยกแขนขาส่วนที่อักเสบให้สูง ถ้าดีขึ้นควรให้ยาปฏิชีวนะจนครบ 10 วัน แต่ถ้าไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ควรส่งโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะยาไม่ได้ผลหรือเกิดจากสาเหตุอื่น ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างไร ยกเว้นให้การรักษาโรคติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียงที่เป็นต้นเหตุ เช่น แก้ไขปัญหาฟันผุ หรือคออักเสบ เป็นต้น
คำแนะนำ ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตขนาดเกิน 1 เซนติเมตร ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ควรตรวจดูต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นๆ (เช่น คอ ไหปลาร้า รักแร้) ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตในลักษณะเดียวกันที่บริเวณอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ อาจเป็นอาการของโรคเอดส์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเรื้อรังนานเกิน 3 เดือน
ที่มา nu.ac.th
ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบอักเสบ (Groin infection)
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่ขาหนีบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสเตรปโตค็อกคัส และสแตฟฟีโลค็อกคัส ซึ่งลุกลามมาจากโรคติดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง เช่น บาดแผลอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น ในรายที่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบชนิดเฉียบพลัน จะมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต และเจ็บ และมักพบอาการอักเสบของผิวหนัง หรืออวัยวะในบริเวณใกล้เคียง เช่น ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ (ไข่ดัน) อักเสบ หรือไข่ดันบวมโต มักจะเป็นผลมาจากการอักเสบในบริเวณเท้า หรือต่อมน้ำเหลืองที่ใต้คางอักเสบ มักเป็นผลมาจากต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นต้น ถ้ามีการอักเสบของท่อน้ำเหลืองร่วมด้วย ก็จะพบเป็นรอยแดง เป็นแนวยาววิ่งจากบริเวณผิวหนังที่อักเสบไปจนถึงต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ ผู้ป่วยมักมีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ร่วมด้วย ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองจะมีอาการบวมโตเล็กน้อย (ขนาดไม่เกิน 1 ซม.) ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ และจับโยกไปมาได้ ไม่ยืดติดกับผิวหนังหรือเนื้อเยื่อข้างใต้ มักพบที่บริเวณใต้คาง (ซึ่งเป็นผลมาจากฟันผุหรือเจ็บคอบ่อย) และขาหนีบ (เป็นผลจากการอักเสบที่เท้าบ่อย ๆ) ต่อมน้ำเหลืองจะบวมโตคลำได้เป็นก้อนเล็ก ๆ นานเป็นแรมเดือนแรมปี หรือตลอดไป โดยไม่มีอาการเจ็บปวด และไม่เกิดอันตรายแต่อย่างไร ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามเข้ากระแสเลือด ทำให้กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเฉียบพลัน ให้ยาแก้ปวดลดไข้ และยาปฏิชีวนะ เช่น เพนวี , คล็อกซาซิลลิน หรือ อีริโทรไมซิน ควรใช้น้ำอุ่นจัดๆ ประคบ และยกแขนขาส่วนที่อักเสบให้สูง ถ้าดีขึ้นควรให้ยาปฏิชีวนะจนครบ 10 วัน แต่ถ้าไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ควรส่งโรงพยาบาล อาจเป็นเพราะยาไม่ได้ผลหรือเกิดจากสาเหตุอื่น ในรายที่เป็นต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างไร ยกเว้นให้การรักษาโรคติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียงที่เป็นต้นเหตุ เช่น แก้ไขปัญหาฟันผุ หรือคออักเสบ เป็นต้น ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตขนาดเกิน 1 เซนติเมตร ลักษณะค่อนข้างแข็ง ไม่เจ็บ ที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ควรตรวจดูต่อมน้ำเหลืองในบริเวณอื่นๆ (เช่น คอ ไหปลาร้า รักแร้) ถ้าพบอาการต่อมน้ำเหลืองโตในลักษณะเดียวกันที่บริเวณอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ข้อแนะนำ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลในเรื่องของความสะอาด เพราะการอักเสบของผิวหนังจุดใดจุดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ หลายๆคนที่พบกับปัญหาไข่ดันบวมหรือไข่ดันอักเสบ ซึ่งไข่ดันจะอยู่บริเวณขาหนีบ อาจจะด้านซ้ายหรือด้านขวา ในบางรายโชคร้ายเป็นทั้งสองข้างก็มี เวลาเกิดการอักเสบจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆนูนขึ้นมา ในบางรายอาจปวดทรมานรุนแรง แต่ในบางรายอาจไม่ปวด สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งหญิงและชาย ในเพศชายจะมีโอกาสเกิดมากกว่าในเพศหญิง บางคนเรียกลูกหนูอักเสบ ถ้าวิกฤตมากๆถึงขนาดเดินไม่ได้ เพราะจะปวดทรมานมาก ในบางรายที่เป็นหนักอาจต้องผ่าตัดและรักษาโดยแพทย์
ที่สำคัญคือต้องไปหาคุณหมอนะคะ